Hilight
- ผู้ป่วยมะเร็งที่กินได้น้อย แพทย์อาจจะแนะนำให้ใส่สายยางเพื่อให้อาหาร ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารครบถ้วน และแข็งแรงเร็ว
- อาหารเหลวที่ใช้ป้อนทางสายยาง มีสองชนิดใหญ่ๆ คือ อาหารปั่นผสม และอาหารทางการแพทย์ ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักความเหมือนที่แตกต่างของอาหารทั้งสองแบบนี้ครับ
อาหารปั่นผสม (Blenderized Diet) หรืออาจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า บีดี เป็นการนำเอาอาหารสดมาทำให้สุก จากนั้นจึงทำการ “ปั่นผสม” รวมกันเป็นเนื้อเดียว
อาหารทางการแพทย์ (Medical Foods) เป็นอาหารที่ถูกดัดแปลงสารอาหารให้เหมาะสมกับโรค ของผู้ป่วย มักอยู่ในรูปแบบผงหรือของเหลว
ทั้งอาหารปั่นผสมและอาหารทางการแพทย์เหมือนกันตรงที่ เป็นการเปลี่ยนลักษณะอาหารจากของแข็งให้กลายเป็นของเหลว เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาบริเวณช่องปากและลำคอ รวมถึงผู้ป่วยที่ได้รับอาหารทางสาย สามารถกินอาหารได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเบื่ออาหาร ซึ่งพบได้มากในผู้ป่วยมะเร็ง สามารถใช้ดื่มเสริมทางปาก เพื่อเพิ่มพลังงานและสารอาหารให้กับร่างกายได้
ถึงแม้ว่าอาหารทั้งสองชนิดจะมีความเหมือนกันในแง่ของจุดประสงค์ในการใช้งาน แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้
1. ความสะดวก
อาหารปั่นผสมจำเป็นต้องมีการชั่งตวงวัตถุดิบให้ “เป๊ะ” เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารครบถ้วน และใช้เวลาในการทำค่อนข้างนาน แต่อาหารทางการแพทย์มีความสะดวกมากกว่า เพราะสามารถชงกับน้ำสะอาดแล้วใช้ได้ทันที
2. ความสะอาด
อาหารปั่นผสม ใช้วัตถุดิบสดจึงมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคมาจากแหล่งผลิตถ้าเตรียมไม่เหมาะสม แต่อาหารทางการแพทย์ถูกฆ่าเชื้อแล้วบรรจุในภาชนะปิดจึงมีโอกาสปนเปื้อนน้อยกว่า อย่างไรก็ตามถ้ารักษาความสะอาดและเตรียมอย่างเหมาะสม อาหารทั้งสองชนิดมีความปลอดภัยเหมือนกัน
3. ระยะเวลาการแขวน
อาหารปั่นผสม เมื่อนำออกจากตู้เย็นแล้วควรกินหรือให้ทางสายให้หมดภายใน 2 ชม. ในขณะที่อาหารทางการแพทย์จะมีระยะเวลาเพิ่มขึ้นเป็น 4 ชม.
4. ความครบถ้วนของสารอาหาร
อาหารปั่นผสมจะมีการสูญเสียวิตามินและแร่ธาตุไปในขั้นตอนการล้างและการต้ม (ดังนั้นแพทย์จึงอาจจะสั่งวิตามินเสริม) ซึ่งต่างจากอาหารทางการแพทย์ที่ไม่มีการสูญเสียสารอาหารไปจากการชง และมักมีวิตามินและเกลือแร่ครบถ้วน เมื่อได้รับเกิน 1,500 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
5. ความเหมาะสมกับโรค
ทั้งอาหารปั่นผสมและอาหารทางการแพทย์สามารถปรับเปลี่ยนสูตรให้เหมาะสมกับโรคของผู้ป่วยได้ แต่อาหารทางการแพทย์จะมีข้อได้เปรียบตรงที่มักมีการเติมสารอาหารพิเศษบางชนิด ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยบางโรค และบางสูตรมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสารอาหาร เพื่อช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการย่อยและการดูดซึมโดยเฉพาะ
6. ราคา
โดยส่วนมากอาหารทางการแพทย์มักมีราคาสูงกว่าอาหารปั่นผสม และจะยิ่งมีราคาสูงขึ้นไปตามสารอาหารที่เติมลงไปหรือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสารอาหารตามข้อที่แล้ว
โดยสรุป หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และนักกำหนดอาหาร ทั้งอาหารปั่นผสมและอาหารทางการแพทย์สามารถช่วยให้ผู้ป่วยได้รับพลังงานและสารอาหารได้เพียงพอเช่นเดียวกัน เพียงแค่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตของผู้ป่วย ญาติ และผู้ดูแล โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วยให้มากที่สุด
[เอื้อเฟื้อภาพโดย อ.นพ.ปราการ ธานี]