ภาวะลำไส้อุดตันเกิดขึ้นเมื่อมีการอุดกั้นหรือตีบแคบของทางเดินอาหาร ส่งผลทำให้น้ำหรืออาหารที่ถูกย่อยแล้วไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ เปรียบเสมือนท่อน้ำที่มีการอุดตันจนไม่สามารถระบายน้ำได้ดีเหมือนเดิม ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ลำไส้มีการตีบแคบลงหรืออุดตัน อาจเกิดจาก โรคมะเร็งบริเวณลำไส้ หรือ ผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น การผ่าตัด หรือการฉายแสง เป็นต้น
อาการของภาวะลำไส้อุดตัน
- คลื่นไส้/อาเจียน
- จุกเสียดแน่นท้อง/ท้องอืด
- ปวดเกร็งท้อง
- การขับถ่ายเปลี่ยนแปลงไป (ถ่ายลดลง)
อาการผิดปกติดังกล่าวอาจจะเป็นในช่วงเวลาสั้น ๆ หรือมีอาการอย่างต่อเนื่อง หากเป็นภาวะลำไส้อุดตันบางส่วน แล้วมีอาการไม่รุนแรงมาก ผู้ป่วยอาจจะสามารถกินอาหารเหลวหรือน้ำได้ แต่ถ้าหากมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนต้องใช้ยาแก้ปวด มีคลื่นไส้และอาเจียนมาก และมีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย ควรรีบไปโรงพยาบาลทันทีเพื่อเข้ารับการรักษา
อาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วยลำไส้อุดตัน
ผู้ป่วยแต่ละรายอาจจะมีความรุนแรงของลำไส้อุดตันแตกต่างกัน จึงอาจจะรับอาหารได้ไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย หั่นอาหารเป็นชิ้นเล็กๆ หรือปั่นให้ละเอียด และดื่มน้ำให้เพียงพอ
ผู้ป่วยอาจจะเริ่มจากอาหารเหลวใสก่อน แล้วจึงทดลองกินอาหารชนิดอื่น ๆ โดยเพิ่มอาหารทีละชนิดในปริมาณน้อย แล้วสังเกตอาการที่ผิดปกติ ถ้าไม่มั่นใจหรือรับประทานแล้วรู้สึกว่าการแย่ลง แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นได้
หากต้องรับประทานอาหารเหลว หรืออาหารน้ำ ๆ เกิน 5 วันขึ้นไป ควรปรึกษาแพทย์และนักกำหนดอาหารเพื่อช่วยแนะนำอาหาร รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุรวมที่จำเป็น
ผู้ป่วยลำไส้อุดตันที่มีอาการรุนแรง จนอาหารและน้ำไม่สามารถผ่านไปได้ ควรงดอาหารและน้ำทุกชนิดทางปาก และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
อาหารที่ผู้ป่วยลำไส้อุดตันสามารถรับประทานได้และควรหลีกเลี่ยง มีดังนี้
ข้าว แป้ง และธัญพืช
รับประทานได้ | ควรหลีกเลี่ยง |
---|---|
|
|
เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์
ควรหั่นเนื้อสัตว์เป็นชิ้นบาง ๆ หรือบดให้ละเอียด ปรุงให้สุก อย่าลืมตัดเนื้อส่วนที่เหนียวและแข็งออก และเอาก้างออก
รับประทานได้ | ควรหลีกเลี่ยง |
---|---|
|
|
ผัก
ไม่ควรรับประทานเกิน 1 ส่วนหรือ 1 ทัพพีต่อวัน และควรปอกเปลือก คว้านเมล็ด ตัดก้านและส่วนที่เหนียวและแข็งออก หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ และปรุงให้สุก ผักบางชนิดอาจทำให้เกิดแก๊สได้ในบางราย
รับประทานได้ | ควรหลีกเลี่ยง |
---|---|
|
|
ผลไม้
ไม่ควรรับประทานเกิน 1 ส่วน หรือ 1 ถ้วยตวงต่อวัน และควรปอกเปลือก คว้านเมล็ด ตัดส่วนที่เหนียวและแข็งออก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
รับประทานได้ | ควรหลีกเลี่ยง |
---|---|
|
|
นมและผลิตภัณฑ์จากนม
รับประทานได้ | ควรหลีกเลี่ยง |
---|---|
|
|
ไขมันและน้ำมัน
รับประทานได้ | ควรหลีกเลี่ยง |
---|---|
|
|
ขนม
รับประทานได้ | ควรหลีกเลี่ยง |
---|---|
|
|
เครื่องดื่ม
รับประทานได้ | ควรหลีกเลี่ยง |
---|---|
|
|
ผู้ป่วยลำไส้อุดตันควรดูแลตนเองอย่างไร
- กินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มปริมาณครั้งละน้อย กินให้บ่อยขึ้นทุก 2 ชั่วโมง หรืออย่างน้อยวันละ 6-7 มื้อ หรือ เพิ่มอาหารมื้อว่างเสริม
- จิบดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน
- เคี้ยวอาหารให้เอียดและกินอย่างช้า ๆ
- ตัดแบ่งอาหารเป็นชิ้นหรือคำเล็ก ๆ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียว หรือเคี้ยวยาก
- เลือกกินอาหารที่อ่อนนุ่ม หรือปั่นละเอียด
- เลือกวิธีการปรุงประกอบ เช่น การตุ๋น หลน นึ่ง ต้ม อบ แทนการปิ้งหรือย่าง
- เลือกอาหารหรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงานมาก เช่น อาหารทางการแพทย์ที่มีใยอาหารน้อย นม โยเกิร์ตพร้อมดื่ม ซุปข้นหรือซุปครีม
- ทดลองกินอาหารชนิดอื่น ๆ โดยเพิ่มอาหารทีละชนิดในปริมาณมื้อละน้อย ๆ ก่อน แล้วสังเกตอาการที่ผิดปกติ
- พยายามเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การเดินเป็นระยะทางสั้น ๆ เพื่อช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวมากขึ้น
- ปรึกษาแพทย์ นักกำหนดอาหาร หรือเภสัชกร ในเรื่องการเสริมวิตามินและแร่ธาตุรวม
- หากคำแนะนำดังกล่าวไม่ทำให้อาการผิดปกติดีขึ้น และผู้ป่วยผอมลง หรือน้ำหนักตัวลดลงมาก ควรปรึกษาแพทย์
สรุปแล้วภาวะลำไส้อุดตันแบบบางส่วน ส่งผลให้ผู้ป่วยมะเร็งไม่อยากอาหาร มีอาการแน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน ทำให้กินอาหารได้ลดลง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะทุพโภชนาการและการขาดสารอาหารได้อย่างมาก
ญาติและผู้ดูแล ควรช่วยดูแลผู้ป่วย ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดโอกาสการเสียชีวิตจากภาวะขาดสารอาหาร